ENDPOINT SECURITY

Endpoint Security คือการปกป้องอุปกรณ์ปลายทางหรือ "Endpoints" ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายขององค์กรจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ 🛡️
อุปกรณ์ปลายทางในที่นี้รวมถึงคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ, แล็ปท็อป, สมาร์ทโฟน, เซิร์ฟเวอร์, และอุปกรณ์ IoT (Internet of Things) การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) และการนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้ในการทำงาน (BYOD - Bring Your Own Device) ทำให้จำนวน Endpoints เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเป็นช่องทางที่แฮกเกอร์มักใช้ในการโจมตีเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญขององค์กร

ENDPOINT PROTECTION

 

หน้าที่หลักของ Endpoint Security คือการตรวจจับ ป้องกัน และตอบสนองต่อภัยคุกคามที่มุ่งเป้ามายังอุปกรณ์ปลายทาง โดยทำหน้าที่หลายอย่างร่วมกัน ได้แก่:

  • การป้องกันมัลแวร์และไวรัส : คล้ายกับโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบดั้งเดิม แต่ Endpoint Security มีความสามารถที่ทันสมัยกว่า เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรม (Behavioral Analysis) เพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน (Zero-day attacks) และการโจมตีแบบไม่ใช้ไฟล์ (Fileless attacks)
  • การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (Data Loss Prevention - DLP) : ป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกคัดลอก ถ่ายโอน หรือนำออกจากอุปกรณ์ปลายทางโดยไม่ได้รับอนุญาต
  • การจัดการช่องโหว่ (Vulnerability Management) : ตรวจสอบและแจ้งเตือนเมื่อพบช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ปลายทาง เพื่อให้สามารถอัปเดตและแก้ไขได้ทันที
  • การตรวจจับและตอบสนอง (Detection and Response) :
    o    Endpoint Detection and Response (EDR): เป็นโซลูชันที่ช่วยตรวจสอบกิจกรรมบนอุปกรณ์ปลายทางอย่างต่อเนื่อง และรวบรวมข้อมูลเพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบ วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว
    o    Extended Detection and Response (XDR): เป็นการต่อยอดจาก EDR โดยขยายขอบเขตการตรวจจับไปยังหลายแหล่งที่มา เช่น เครือข่าย, คลาวด์, และอีเมล เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมของการโจมตีได้กว้างขึ้น
  •  การจัดการสิทธิ์การเข้าถึง (Access Control) : ควบคุมว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลและแอปพลิเคชันใดได้บ้าง เพื่อลดความเสี่ยงจากการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต

ความสำคัญของ Endpoint Security   ในยุคที่การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และภัยคุกคามทางไซเบอร์มีความซับซ้อนกว่าในอดีต Endpoint Security จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยขององค์กร เพราะมันเป็นด่านหน้าในการปกป้องเครือข่ายจากภัยคุกคามที่อาจเข้ามาทางอุปกรณ์ของพนักงาน ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตี, การสูญหายของข้อมูล, และความเสียหายทางการเงินและชื่อเสียงขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ   แม้ว่าทั้ง Endpoint Security และ Antivirus จะมีเป้าหมายร่วมกันในการปกป้องอุปกรณ์จากภัยคุกคาม แต่ทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างมากในด้านขอบเขตการทำงานและฟังก์ชันการใช้งาน
คุณสามารถเปรียบเทียบได้ง่ายๆ ดังนี้:
 

Antivirus (โปรแกรมป้องกันไวรัส)

  • ขอบเขตการทำงาน: เน้นการป้องกัน มัลแวร์ และ ไวรัส เป็นหลัก ทำงานบนอุปกรณ์เดี่ยว (Standalone)
  • วิธีการตรวจจับ:
    o    Signature-based: ตรวจจับภัยคุกคามที่รู้จักแล้ว โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูล "ลายเซ็น (Signature)" ของไวรัส หากไฟล์มีลายเซ็นที่ตรงกัน ก็จะถูกบล็อกหรือลบ
    o    Heuristics: ใช้กฎเกณฑ์และพฤติกรรมเพื่อตรวจจับมัลแวร์ที่ยังไม่เคยรู้จัก
  • จุดอ่อน:
    o    มีประสิทธิภาพน้อยในการตรวจจับภัยคุกคามแบบใหม่ (Zero-day attacks) ที่ยังไม่มีลายเซ็นในฐานข้อมูล
    o    ไม่สามารถป้องกันการโจมตีแบบซับซ้อนอื่นๆ เช่น การโจมตีแบบไม่ใช้ไฟล์ (Fileless attacks) หรือการโจมตีที่มุ่งเป้ามายังช่องโหว่ของระบบ
    o    มักไม่มีระบบการจัดการแบบรวมศูนย์ เหมาะสำหรับผู้ใช้ตามบ้านหรือองค์กรขนาดเล็กมากๆ
 

Endpoint Security (ระบบรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ปลายทาง)

  •  ขอบเขตการทำงาน: เป็นโซลูชันที่ ครอบคลุม และ ครบวงจร กว่ามาก โดยมี Antivirus เป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่ง
  •  วิธีการตรวจจับ:
    o    Behavioral Analysis: วิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดปกติของโปรแกรมหรือผู้ใช้บนอุปกรณ์ปลายทาง เพื่อตรวจจับภัยคุกคามที่ยังไม่เคยรู้จัก (Zero-day)
    o    Machine Learning & AI: ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการเรียนรู้และคาดการณ์ภัยคุกคามที่ซับซ้อน
  •  ฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มขึ้น:
    o    Endpoint Protection Platform (EPP): เป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟังก์ชันการป้องกันเข้าด้วยกัน เช่น การป้องกันไวรัส, ไฟร์วอลล์, การควบคุมอุปกรณ์ภายนอก (USB), และการป้องกันการโจมตีจากเว็บไซต์
    o    Endpoint Detection and Response (EDR): เป็นความสามารถที่สำคัญของ Endpoint Security ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถตรวจสอบ, วิเคราะห์, และตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็ว เช่น การแยกอุปกรณ์ที่ติดเชื้อออกจากเครือข่าย หรือการย้อนคืนระบบกลับไปสู่สถานะก่อนการโจมตี
    o    การจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized Management): ผู้ดูแลระบบสามารถควบคุม, ตั้งค่า, และตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งหมดในเครือข่ายได้จากหน้าจอเดียว ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการในองค์กรขนาดใหญ่
    o    การป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (DLP): ป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญถูกนำออกจากองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต
    o    การจัดการช่องโหว่ (Vulnerability Management): ตรวจสอบและรายงานช่องโหว่ของซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์

สรุปความแตกต่างที่สำคัญ

คุณสมบัติ Antivirus Endpoint Security
ขอบเขต มุ่งเน้นไปที่มัลแวร์และไวรัสเป็นหลัก ครอบคลุมภัยคุกคามทุกรูปแบบ (มัลแวร์, ransomware, phishing, การโจมตีแบบไม่ใช้ไฟล์, ฯลฯ)
วิธีการตรวจจับ ใช้ลายเซ็นเป็นหลัก (Signature-based) ใช้การวิเคราะห์พฤติกรรม, Machine Learning, และ AI เป็นหลัก
การจัดการ ติดตั้งและจัดการบนอุปกรณ์เดี่ยว (Stand-alone) มีระบบบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ (Centralized) สำหรับอุปกรณ์ทุกเครื่องในองค์กร
การตอบสนอง ลบหรือกักกันไฟล์ที่ติดเชื้อ มีความสามารถในการสืบสวน, วิเคราะห์, และตอบสนองภัยคุกคามขั้นสูง (EDR)
เหมาะสำหรับ ผู้ใช้งานทั่วไปตามบ้าน หรือองค์กรขนาดเล็กมากๆ ที่มีอุปกรณ์ไม่กี่เครื่อง องค์กรทุกขนาดที่ต้องการความปลอดภัยที่ครบวงจรและสามารถบริหารจัดการได้ง่าย
4 Products

ENDPOINT SECURITY

Endpoint Detection (AV)

view product

Endpoint Detection and Response (EDR)

view product

Endpoint Extended Detection and Response (XDR)

view product

Mobile Device Management (MDM)

view product

This website Collects

To give you a better experience, by continuing to use our website, you are agreeing to the use of cookies and personal data as set out in our Privacy Policy | Terms and Conditions

Accept